วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ข้อมูลการกู้ซื้อบ้าน / คอนโดของแบงค์

วงอัฐกู้ของธนาคารนั้นที่แต่ละคนจะได้รับขึ้นอยู่กับวัตถุปัจจัย อะไรบ้าง


คนที่ทำธุรกิจส่วนใหญ่ มักจะคุ้นเคยกับคำว่า วงเงินกู้ (Loan) เป็นอย่างดี ซึ่งการที่จะกู้เงินจากแบงก์ได้นั้นธุรกิจการค้าจักต้องมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน อีกทั้งต้องถือว่า วงเงินที่ต้องการใช้ เวลาจ่ายชำระคืน พร้อมด้วยที่สำคัญคือต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันวงเงินกู้ให้กับธนาคาร เช่น ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร เป็นต้น ข่าวสารวงเงินกู้ของแบงก์ วงเงินนั้นที่แต่ละคนจะได้รับจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เพราะว่าเชี่ยวชาญแบ่งออกได้ดังนี้

1. ตำแหน่งเงินเดือนพร้อมทั้งภาระหนี้ ค่าเพราะคาดคะเนจะได้ 50 เท่าของเงินเดือน เช่น ถ้าเงินเดือน 20,000 กับไม่มีภาระหนี้ใดๆ วงเงินกู้ที่ได้่จะประมาณ 1,000,000 (20,000 x 50 เท่า) แต่ถ้าคุณมีผ่อนอะไรอยู่ก็จะหักจากค่าจ้างรายเดือนก่อนแล้วค่อยคูณด้วย 50

บางคนที่มีเงินโอทีหรือไม่ก็เงินรายรับพิเศษนอกเหนือไปจากเงินเดือนประจำ บางธนาคารก็ไม่เอามาคิด บางแบงค์ก็เอามาคิดแค่ 50% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกฎพร้อมกับนโยบายของแต่ละธนาคาร ซึ่งคนกู้จักต้องเช็คกับทางแบงก์อีกที

ผลรวมวงเงินกู้ อาจได้มากหรือน้อยกว่า 50 เท่า ขึ้นอยู่กับเครดิตของผู้กู้ ความมั่นคงของภาระหน้าที่การงาน และประวัติบุคคลการชำระหนี้อื่นๆ ก่อนหน้านี้ ส่วนผู้กู้ที่ทำงานบริษัทที่มีสวัสดิการกู้ซื้อบ้านกับทางธนาคาร ธนาคารมัก ปลดเปลื้องกู้ง่ายกับให้ตัวเลขวงเงินมากกว่าปกติ

2. สนนราคาประเมินบ้านหรือคอนโดมิเนียมของทางธนาคาร มูลค่าประเมินที่กล่าวถึง ทางธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจบ้านที่เราจักซื้อพร้อมทั้งประเมินสนนราคา พวกบ้านไม่ก็คอนโดใหม่ บางแบงก์ให้กู้เต็มมูลค่าประเมิน ส่วนพวกโฆษิตขายบ้าน / คอนโดมือสอง บางแบงก์ก็ให้กู้เต็ม แต่ส่วนมากมักให้แค่ 80% ของสนนราคาประเมินธนาคาร อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละธนาคารที่มีอยู่ ทั้งนี้ถ้าได้ค่าประเมินบ้านสูงกว่าฐานของเงินเดือนตามข้อที่ 1 คุณก็กู้ได้สูงสุดตามข้อ 1 พร้อมกับถ้าราคาประเมินบ้านต่ำกว่าวงเงินตามฐานค่าแรงงานในข้อที่ 1 คุณก็กู้ได้สูงสุดตามราคาประเมินบ้าน

3. อายุของผู้กู้ ธนาคารส่วนมากให้ผู้กู้ทำได้ชำระหนี้ได้จนถึงอายุ 60 บางธนาคารอาจถึง 65 ดังนั้นถ้าคุณอายุมากมายก่ายกอง จำนวนปีในการซักล้างหนี้จะน้อย ซึ่งก็หมายความว่าค่าลดหย่อนชำระหนี้ในแต่ละเดือนนั้นจะสูง เช่น อายุ 55 ขอกู้เงิน 3,000,000 ซึ่งคุณจักเชี่ยวชาญผ่อนได้แค่ห้าปี ดังนั้นปริมาณเงินผ่อนแต่ละเดือนจักสูงมาก ซึ่งเพราะว่าทั่วไปแล้วธนาคารจักให้ผ่อนได้ไม่เกินคาดคะเน 40% ของเงินเดือน ถ้าสมมติเกิน ธนาคารก็จักลดวงเงินกู้คุณลง

ผู้กู้สมรรถกู้เพิ่มเป็นค่ารจิตได้อีกกะ 10% ของวงเงินกู้บ้านที่ทางธนาคารอนุมัติให้ เช่นถ้าธนาคารอนุมัติวงเงินกอบกู้ซื้อบ้านให้คุณที่หนึ่งล้านบาท คุณเก่งกู้เพื่อตกแต่งเพิ่มได้อีกจำนวนหนึ่งแสนบาท แต่ตำแหน่งดอกเบี้ยเหตุด้วยเงินกู้ตกแต่งจักสูงกว่าเงินกู้ซื้อบ้าน

กฎระเบียบดังกล่าวนั้นไม่ได้ตายตัว แบงค์แต่ละแห่งก็จักมีข้อพินิจพิเคราะห์ที่แตกต่างกัน ที่กล่าวมานั้นเป็นแค่แนวทางคร่าวๆ ทั้งนี้ผู้กู้พึงติดต่อถามเจ้าหน้าที่สินเชื่อของแต่ละธนาคารจักดีที่สุด ใช่ไหมโทรไปตามที่ Call Center ที่มีบริการในแต่ละแบงค์ก่อนก็ได้ ทางเจ้าหน้าที่เป็นได้ให้ข้อมูลคร่าวๆ ได้เช่นกันค่ะ

คำเสนอแนะ:

1. คนที่ประสงค์มีบ้านใช่ไหมคอนโด แต่ไม่รู้จะเปิดม่านยังไง ขอให้เริ่มทำจากการตีราคาวงเงินกู้ของตนเองก่อนว่าธนาคารจะ ให้เป็นอิสระกู้ให้คุณได้เท่าไหร่ คุณอาจจักติดต่อข้าราชการสินเชื่อแต่ละธนาคาร (แนะนำให้ติดต่อกับธนาคารที่่คุณมีบัญชีเงินเดือนใช่ไหมธนาคารที่บริษัทคุณมีสวัสดิการก่อน เพราะแบงก์พวกนี้จักอาจเช็คข้อมูลของคุณได้ง่ายจากบัญชีของคุณ พร้อมด้วยความเป็นไปได้ในการได้รับอนุมัติก็จะมีมากกว่าธนาคารที่คุณไม่เคยเป็นลูกค้ามาก่อนเลย) เราเก่งเช็คหลายๆธนาคารได้พร้อมกัน เป็นแค่ขั้นตอนของ การขอข่าวสารจากธนาคาร ไม่ได้ทำเรื่องกู้

2. หลังจากเห็นประจักษ์วงเงินที่คุณเก่งกู้ได้ ก็ค่อยไปมองหาดูบ้านหรือคอนโดที่อยู่ในงบประมาณของคุณ จักได้ไม่ต้องเสียเวลาไปดูบ้านหรือไม่คอนโดที่มันแพงๆ แล้วมารู้ที่หลังว่าคุณกู้ไม่พ้นก็เพราะว่าบ้านแพงไป

3. อย่าซื้อบ้านใช่ไหมคอนโดเกินกำลังและฐานะของตนเองมากเกินไป เพราะว่าถ้าคุณกู้สูงๆ แล้วค่าผ่อนต่อเดือนมันก็จักมากมายมาก อย่าลืมนึกถึงค่าตกแต่งที่จักตามมาอีกมากมาย รวมถึงเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉินที่เราต้องใช้เงิน เช่น เจ็บป่วยไม่ก็อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันที่ต้องการใช้เงิน ถ้าใคร่ได้ผ่อนแบบไม่หนักมาก ควรผ่อนแค่เกือบๆ 30% ของเงินเดือน

4. ให้เลือเลื่องกระยะปีในการผ่อนให้นานที่สุด ถ้าเก่งเละบือกแบบ 30 ปี ก็เโจษกแบบ 30 ปีไปก่อน เวลามีเงินคุณก็ค่อยเอาไปโปะเรื่อยๆ เพราะว่าการเลือเลื่องกระยะเวลาผ่อนที่นาน จะทำให้ค่าผ่อนที่ต้องจ่ายต่อเดือนไม่มาก เช่นถ้าคุณกู้ 1,000,000 บาท เเลื่องลือกผ่อน 30 ปี คุณต้องเบิกต่อเดือนกะ 6,000 บาท แต่ถ้าคุณเฟุ้งเฟื่องกผ่อนที่ 10 ปี คุณต้องจ่ายต่อเดือนคาดว่า 11,000 บาท คุณเโจษจันกแบบ 30 ปี แล้วค่อยๆ เอาเงินไปโปะเรื่อยๆ ให้หมดภายในสิบปี ดอกเบี้ยที่เสีย ก็ไม่ต่างกันมากค่ะ อันนี้จะช่วยคุณได้ในกรณีฉุกเฉินที่คุณต้องใช้เงิน และทำให้คุณนั้น ไม่เครีดมากในการจัดการค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน


ค่าธรรมเนียมการโอน:

1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ( หัก ณ ที่จ่าย ) = ตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร
2. ค่าธรรมเนียมการทำนิติกรรม ( ค่าโอน ) = 2 % จากราคาประเมินของกรมใช่ไหมราคาขาย แล้วแต่อย่างใดสูงกว่า
3. ค่าจดจำนอง ( กรณีจำนองกับสถาบันการเงิน ) = 1% ของมูลค่าที่จำนอง (จำนวนที่กู้ทั้งหมด)
4. ค่าอากรแสตมป์ (ชำระอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง อากรแสตมป์ หรือไม่ก็ธุรกิจเฉพาะ) = 0.50% ตามมูลค่าซื้อขายแต่ ไม่ต่ำกว่าราคาประเมินของกรม
5. ภาษีธุรกิจเฉพาะ ( ไม่ต้องชำระถ้าหากถือครองเกิน 5 ปี เหรอมีชื่อในทะเบียนบ้านเกินหนึ่งปี) = 3.3% ของค่าซื้อขายที่ไม่ต่ำกว่าค่าประเมินของกรม
ค่าธรรมเนียมการโอนอาจออกคนละครึ่งระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย หรือไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกทั้งหมด อันนี้ขึ้นอยู่กับการตกลงกันแต่แรก ดังนั้นควรตกลงเรื่องค่าธรรมเนียมการโอนต่างๆ ก่อนทำให้คำมั่นจักซื้อจักขาย เพราะว่าอาจมีการโต้เถึยงเกิดขึ้นได้ในวันโอน ทางที่ดีควรรวมรายละเอียดค่าธรรมเนียมการโอนไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายด้วยเพื่อป้องกันการโต้เถียงกันภายหลังโ

ข้อมูลจาก  (cordia.bloggang)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น